You are viewing this post: Personal Finance (บุคคลมีความสามารถในการชำระหนี้หรือไม่) | ความสามารถในการชําระหนี้
Table of Contents
Personal Finance (บุคคลมีความสามารถในการชำระหนี้หรือไม่)
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่
ตัวอย่างการวิเคราะห์ความสามารถจ่ายชำระหนี้ (Debt Ratio)
รายการอาจารย์มานพพบปัญหา EP.1129
▲ กดติดตามเพื่อชมคลิปใหม่ๆ : https://www.youtube.com/channel/UC934CijhZBa3p6pNaDBvwg?view_as=subscriber
▲LINE ID (มี@นำหน้า) : @Yellowtraining
▲เบอร์โทร อบรม : 0970091656 , 0622622916
▲เบอร์โทร บัญชี : 0853111669
▲ FANPAGE : https://www.facebook.com/Yellowaccounting/
▲ FANPAGE : https://www.facebook.com/Bmanopyellow
▲ FANPAGE : https://www.facebook.com/IViewTravel/
▲ FANPAGE : https://www.facebook.com/GreatInstructor/
▲ IG : https://www.instagram.com/manopyellow/?hl=th
▲ เว็บไซค์ : http://www.yellowaccounting.com
อีเมล์สำหรับติดต่องาน
[email protected]
แชแนล manopyellow คือ แชแนล ให้ความรู้เกี่ยวกับบัญชีและภาษี ที่ประกอบด้วยพิธีกรหลัก 2 คน คือ
\”อาจารย์มานพ สีเหลือง\” เป็นอาจารย์สอนบัญชีมามากว่า 25 ปี
เป็นยังเป็น ผู้บริหารYellowการบัญชี , youtuber และวิทยากรด้านบัญชีภาษี
\”อาจารย์กนกไรน์วิน บุรินนันท์\” เป็น ที่ปรึกษาปัญหาด้านบัญชีและภาษี , วิทยากรด้านบัญชีภาษี , เจ้าของสำนักงานบัญชี และ ผู้สอบบัญชีภาษีอากร(TA).
ถ้าพักชำระหนี้แล้ว จะทำให้เครดิตเราเสียไหม?
ถ้าพักชำระหนี้แล้ว จะทำให้เครดิตเสียไหม?
จากประกาศจากธนาคารแห่งประเทศไทย เดือน กรกฎาคม 2564
พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย เริ่มตั้งแต่งวดการชำระหนี้เดือนกรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป
สำหรับลูกหนี้ SMEs และ ลูกหนี้รายย่อย (ทั้งที่เป็นนายจ้างและลูกจ้าง)
เมื่อหมดระยะพักหนี้ สถาบันการเงินจะไม่เรียกเก็บเงินต้นและดอกเบี้ยที่ค้างอยู่ในทันที
อ่านรายละเอียดมาตรการ คลิก ➡ https://bit.ly/3hFcTP5
ช่องทางติดต่อผู้ให้บริการทางการเงินโดยตรง ที่ https://www.bot.or.th/covid19/Pages/contact/default.aspx
หรือศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) 📞 โทร. 1213
จากการที่ภาครัฐได้ยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมโรคในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงสุด 10 จังหวัด เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 โดยจำกัดการเคลื่อนย้ายและการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ส่งผลให้มีผู้ได้รับผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะกับกลุ่มธุรกิจและลูกหนี้ที่มีฐานะการเงินเปราะบางมาตั้งแต่การระบาดของโควิด 19 ระลอกก่อน และได้ออกมาตรการช่วยเหลือเพื่อเยียวยาด้านรายได้อย่างเร่งด่วนให้กับผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็นการช่วยเหลือที่ตรงจุด
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย และสมาคมธนาคารนานาชาติ ตระหนักถึงความเดือดร้อนของลูกหนี้และเห็นความจำเป็นเร่งด่วนในการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินเพิ่มเติมให้แก่ลูกจ้างและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบให้ตรงจุดและทันการณ์ จึงเห็นร่วมกันที่จะออกมาตรการเร่งด่วนด้วยการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ลูกหนี้ SMEs และรายย่อย เป็นระยะเวลา 2 เดือนให้กับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง คือ ลูกหนี้ทั้งที่เป็นนายจ้างและลูกจ้างในสถานประกอบการทั้งในพื้นที่ควบคุมฯ และนอกพื้นที่ควบคุมฯ ที่ต้องปิดกิจการจากมาตรการของทางการ เริ่มตั้งแต่งวดการชำระหนี้เดือนกรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป ทั้งนี้ เมื่อหมดระยะเวลาพักชำระหนี้แล้ว สถาบันการเงินจะไม่เรียกเก็บเงินต้นและดอกเบี้ยที่ค้างอยู่ในทันที เพื่อไม่ให้เป็นภาระหนักกับลูกหนี้
สำหรับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบโดยอ้อม คือ ลูกหนี้ที่ยังเปิดกิจการได้ แต่รายได้ลดลงจากมาตรการควบคุมการระบาดของภาครัฐ สถาบันการเงินจะพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ตามความจำเป็นและสอดคล้องกับสถานการณ์ของลูกหนี้
การให้ความช่วยเหลือตามแนวทางข้างต้น ลูกหนี้สามารถติดต่อกับสถาบันการเงินเจ้าหนี้เพื่อแสดงความประสงค์ขอรับความช่วยเหลือได้ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2564 ทั้งนี้ หากลูกหนี้สามารถให้ข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจนถึงผลกระทบของกิจการหรือการจ้างงาน จะทำให้การพิจารณาให้ความช่วยเหลือโดยเจ้าหนี้สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ การพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยภายใต้มาตรการนี้ เป็นเพียงการเลื่อนการชำระออกไป ลูกหนี้ที่ยังมีศักยภาพและสามารถชำระหนี้ได้ จึงควรชำระหนี้ต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ภาระหนี้ในอนาคตเพิ่มขึ้นสูงเกินจำเป็น เช่นเดียวกับลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงินอยู่ก่อนหน้า ที่ควรดำเนินการต่อเนื่อง เพื่อแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดและยั่งยืนกว่า
อนึ่ง การพักชำระหนี้ภายใต้มาตรการนี้ เป็นการให้ความช่วยเหลือขั้นต่ำ สถาบันการเงินสามารถช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงได้มากขึ้นตามความเหมาะสม
ธปท. และทุกสมาคมฯ รวมถึงสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ จะร่วมกันเร่งรัดและผลักดันการให้ความช่วยเหลือจากมาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง ธปท. ได้ขอให้ผู้ประกอบธุรกิจที่มิใช่สถาบันการเงิน (nonbank) ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ไปพร้อมกัน เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบให้ได้มากที่สุด ดังนั้น ขอให้ลูกหนี้ที่ประสบปัญหารีบติดต่อผู้ให้บริการทางการเงินที่ใช้บริการอยู่เพื่อรับความช่วยเหลือ และหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อผู้ให้บริการทางการเงินโดยตรง หรือศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) โทร 1213
พักชำระหนี้ พักชำระหนี้2564 พักหนี้ มาตราการพักชำระหนี้
ฟันธง หุ้นทำกำไรไตรมาส 4
สามารถติดตามข่าวสารจาก Money Chat จากช่องทางต่าง ๆ ดังนี้
Facebook
:https://www.facebook.com/moneychatthailand
Youtube
:https://www.youtube.com/moneychatthailand
Podcasts
:moneychat
Blockdit
:Money Chat Thailand
Money Chat Thailand
ผู้ผลิต Content เศรษฐกิจ ธุรกิจ การเงิน การลงทุน เริ่มต้นจากแนวคิด “ลงทุนง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว” ส่งเสริมให้ทุกคนรู้จักและเข้าใจการกับลงทุนในยุคดิจิทัล ที่ทุกคนรับข้อมูลข่าวสารได้จากช่องทางออนไลน์ ออฟไลน์ในทุกรูปแบบ และการลงทุนปัจจุบันเริ่มต้นด้วยเงินเพียงไม่กี่ร้อยบาท ก็สามารถสร้างความมั่งคั่งในอนาคตได้…
ช่องทางการรับชม
FACEBOOK : https://www.facebook.com/moneychatthailand
YOUTUBE : https://www.youtube.com/moneychatthailand
LINE Official Account : Money Chat
Podcasts : moneychat
TV Digital : รายการ Business Model ทุกวันพุธ เวลา 10.3011.00 น. TV Digital TNN 16
รายการ Money Brief ออกอากาศทุกวันจันทร์ ศุกร์ เวลา 09.4510.30น.ทาง ออนไลน์ของ Money Chat
เทคนิคผ่อนบ้าน ให้หนี้หมดเร็วขึ้น 10 ปี ประหยัดดอกเบี้ยเป็นล้าน!!
เทคนิคผ่อนบ้าน ให้หนี้หมดเร็วขึ้น 10 ปี ประหยัดดอกเบี้ยเป็นล้าน!!
หนี้บ้านสำหรับหลายๆคนแล้วถือว่าเป็นหนี้ก้อนที่ใหญ่ที่สุดและระยะเวลาการผ่อนชำระยาวนานที่สุดเลยก็ว่าได้นะครับ เพราะระยะเวลาที่ธนาคารเขาให้เราผ่อนบ้านเนี่ยเริ่มตั้งแต่ 20 ไปจนถึง 40 ปีเลยก็มีครับ ซึ่งเอาเข้าจิงๆถ้าเราผ่อนไปเรื่อยๆตามที่ธนาคารเขาบอกนี่คือทำงานจนเกษียนเลยนะครับกว่าหนี้ของเราจะหมด
แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือไม่ใช่แค่เรื่องระยะที่นานหรอกนะครับ การผ่อนบ้านให้จำไว้เลยนะครับว่ายิ่งเราผ่อนนานเท่าไร เรายิ่งเสียดอกเบี้ยมากขึ้นเท่านั้น เพราะอะไรหรอครับเพราะว่าการคิดดอกเบี้ยบ้านเนี่ยเขาจะคิดแบบ ลดต้นลดดอกครับ อธิบายง่ายๆว่าดอกเบี้ยจะคิดตามเงินต้นครับ ผมได้ทำคลิปอธิบายเรื่องนี้ไว้อย่างระเอียดแล้วลองเข้าไปดูคลิปในช่องได้นะครับ
ดังนั้นไอการที่เราผ่อนบ้านเป็นเวลา 30 40 ปีเนี่ยนอกจากมันจะเป็นภาระระยะยาวมากๆแล้วเรายังต้องจ่ายดอกเบี้ยอีกเยอะมากๆด้วยครับเดี๋ยวจะหาว่าผมเว่อร์จนเกินไป ผมจะคำนวนออกมาให้ดูกันเลยดีกว่าครับ
สมมุติว่าผมซื้อคอนโดราคา 3 ล้านบาท ผมผ่อน 30 ปี โดยผมกำหนดอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยทั้งสัญญาอยู่ที่ 7% เหมือนที่ผมบอกทุกครั้งนะครับว่าที่ผมใช้ 7% เพราะเอาเอาเฉลี่ยทั้งสัญญาและปัดขึ้นนิดนึงเป็นค่าเผื่อเหลือความปลอดภัยเวลาคำนวน ดังนั้นถ้าเราเอาข้อมูลเหล่านี้เข้าไปคิดคำนวนในโปรกแกรม EZ Financial Calculator เราจะได้ออกมาว่า
เราจะต้องผ่อนธนาคารเดือนละ 19,959 บาท/เดือน
ถ้าผ่อนครบ 30 ปี เราจะต้องจ่ายค่างวดทั้งหมด = 7,184,265 บาท
ทุกคนไม่ได้ฟังผิดไปหรอกนะครับ กู้มาสามล้าน จ่ายจริง 7 ล้าน
นั่นหมายความว่าดอกเบี้ยตลอดอายุสัญญานี่คือ 4 ล้านกว่าบาทเลยครับ
วิธีแรกครับคือการโปะหรือการผ่อนชำระเพิ่มจากที่ผ่อนอยู่
จริงๆวิธีนี้มีหลายท่านทำกันแล้วแต่ยังมีอีกหลายๆคนที่ยังไม่รู้นะครับว่าสามารถโปะเพิ่มได้ ฉันอยากให้ทำความเข้าใจกันก่อนครับว่าเงินที่เราผ่อนเพิ่มเข้าไปเนี่ยมันจะไปตัดแต่ในส่วนเงินต้นทั้งนั้นเลยครับยกตัวอย่าง
เช่นปกติแล้วผ่อนชำระค่าบ้านอยู่เดือนละ 10,000 บาทถ้าเราผ่อนเพิ่มเข้าไปอีกสักเดือนละ 1,000 บาท 1000 ที่เราใส่เพิ่มเข้าไปนี่แหละครับมันจะไปตัดเป็นส่วนของเงินต้นทั้งนั้นเลยดังนั้นการผ่อนเพิ่มต่อเดือนจึงช่วยให้นี่เราหมดเร็วขึ้นอย่างมากนะครับที่สำคัญจะช่วยประหยัดดอกเบี้ยด้วยเพราะเมื่อเงินต้นโดนตัดออกดอกเบี้ยที่เราจะต้องจ่ายก็ลดเป็นสัดส่วนตามไปด้วยครับ
วิธีแรกเห็นว่าหมดเร็วแล้วใช่ไหมครับมาแต่มันยังมีอีกวิธีที่ควรทำร่วมกัด้วยระหว่างที่เราโปะครับนั่นคือการรีไฟแนนซ์ทุกๆ 3 ปีครับ
รีไฟแนนซ์คือการขอสินเชื่อก้อนใหม่จากธนาคารครับ อาจจะเป็นธนาคารเดิมที่เรากู้อยู่หรือไปยื่นขอธนาคารใหม่ก็ได้ครับ นั่นหมายความว่าเราจะเปลี่ยนหนี้เดิมทั้งก้อน กลายมาเป็นหนี้ก้อนใหม่เลยครับ พูดง่ายๆว่าขอกู้ใหม่อีกรอบ แต่ที่พิเศษกว่านั้นก็คือ การรีไฟแนนซ์เราสามารถกำหนดแผนการในการผ่อนชำระได้หลากหลายมากขึ้นด้วยครับยกตัวอย่างเช่น
กรณีที่1 เราอยากผ่อนบ้านให้หมดเร็วขึ้น
เราอาจเลือกระยะเวลาผ่อนชำระให้สั้นลง ส่งเงินต่องวดให้มากขึ้น
จากของเดิมเราผ่อน ยอดสินเชื่อคงเหลือ 3,000,000 บาท ระยะเวลา 30 ปี ผ่อนต่อเดือน 19,000 ถ้าเราอยากผ่อนให้หมดเร็วขึ้นเราอาจเลือกการ Refinace เป็น
ยอดสินเชื่อ 3,000,000 บาท ระยะเวลา 20 ปี ผ่อนต่อเดือน 15,000 บาทต่อเดือน
กรณีที่ 2 เราอยากให้ยอดผ่อนชำระต่อเดือนลดลง
จากยอดหนี้เดิมที่เราผ่อนธนาคารมาแล้ว 3 ปี ผมสมมุติว่า ถ้ายอดสินเชื่อเดิมเราคือ 3 ล้าน เราผ่อนมา 3 ปี เงินต้นอาจจะคงเหลือประมาณ 2.8 ล้านบาท และยอดเดิมเราผ่อนธนาคารอยู่ที่เดือนละ 19,000 บาท
ดังนั้นถ้าสรุปคร่าวๆจากทั้ง 2 วิธีที่ผมได้ยกมาให้ดูดีนะครับว่าในแต่ละเดือนที่เราผ่อนธนาคารเราควรจะผ่อนเพิ่มจากที่เราผ่อนอยู่ทุกเดือนครับเพราะมันจะช่วยตัดเงินต้นไปได้เยอะเมื่อเทียบกับเงินต้นไปได้เยอะนี่ก็จะหมดเร็วขึ้นดอกเบี้ยที่จะต้องจ่ายมันก็ลดลงด้วยเพราะเราผ่อนชำระครบ 3 ปีเราก็วางแผนที่จะ รีไฟแนนซ์ เพื่อปรับโครงสร้างหนี้เหลือลดอัตราดอกเบี้ยอะไรก็ว่ากันไปนะครับซึ่งผมเชื่อว่าการทำแบบนี้จะช่วยประหยัดดอกเบี้ยให้เราได้เป็นเงินมหาศาลนะครับและทำให้นี่ของเราหมดเร็วขึ้นด้วยนะครับ
ดังนั้นสรถุปกันอีกทีนะครับ ถ้าเพื่อนๆฟังมาถึงตรงจุดนี้และกำลังผ่อนบ้านกันอยู่หรือกำลังวางแผนจะซื้อบ้าน สิ่งที่ผมอยากให้ทุกๆคนทำคือ วางแผนโปะเพิ่มต่อเดือนครับ จะมากจะน้อยไม่ว่ากันแต่อยากให้โปะนะครับ และช่วงไหนมีเงินพิเศษมีโบนัสอะไรก็แบ่งบางส่วนมาโปะได้ยิ่งดีครับ และเมื่อครบสามปีทุกๆสามปีก็ให้วางแผนที่จะรีไฟแนนซ์หรือรีเทนชั่นเพื่อปรับอัตราดอกเบี้ยลงมาให้มันถูกลงอีกนะครับ หมั่นทำแบบนี้ผมรับประกันเลยนะครับเผลอบางคนถ้าวินัยดีๆ สามารถโปะได้เยอะๆเนี่ย 10 ปีหนี้บ้านหมดก็มีเยอะแยะไปครับ เราจะได้เก็บเงินไว้สำหรับต่อยอดอนาคตหรือไว้ซื้อความสุขอะไรก็ว่ากันไปนะครับ
ผ่อนบ้าน เทคนิคผ่อนบ้าน ซื้อบ้าน ดอกเบี้ยบ้าน
นอกจากการดูหัวข้อนี้แล้ว คุณยังสามารถเข้าถึงบทวิจารณ์ดีๆ อื่นๆ อีกมากมายได้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆINVESTMENT
Articles compiled by CASTU. See more articles in category: INVESTMENT