You are viewing this post: ตัวแทนจากหลายกลุ่มเดินหน้ายื่นหนังสือเรียกร้องขอความเป็นธรรม | ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชา
Table of Contents
ตัวแทนจากหลายกลุ่มเดินหน้ายื่นหนังสือเรียกร้องขอความเป็นธรรม
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่
เหตุการณ์จ่านิวและกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองถูกทำร้ายวอนขอให้ตร.เร่งจับกุมคนร้ายให้ได้ภายใน 7 วัน
กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย หรือ ดีอาร์จี ร่วมกับสหภาพนักเรียน นักศึกษา แห่งประเทศไทย มอบพวงหรีดให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และวางดอกไม้จันทน์ ที่บริเวณหน้าป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ไว้อาลัยให้กับกระบวนการยุติธรรม จากกรณีที่มีนักเคลื่อนไหวทางการเมืองหลายคนถูกทำร้ายร่างกายมาแล้วหลายครั้ง แต่ตำรวจกลับไม่สามารถติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้
โดยน.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว ตัวแทนกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย ระบุว่า ตั้งแต่เดือนมกราคมปีที่แล้ว จนถึงปัจจุบันมีนักกิจกรรมทางการเมือง ที่เคลื่อนไหวต่อต้าน คสช. อย่างน้อย 3 คน คือ นายสิรวิชญ์ เสรีธวัฒน์ หรือ จ่านิว , นายเอกชัย หงส์กังวาน และนายอนุรักษ์ เจนตวณิชย์ หรือ ฟอร์ด เส้นทางสีแดง ถูกทำร้ายร่างกาย รวม 13 ครั้ง แต่มีเพียง 2 ครั้ง ที่สามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ ขณะที่อีก 11 ครั้ง ไม่สามารถจับกุมตัวผู้กระทำผิดได้ หรือไม่สามารถสาวไปถึงผู้จ้างวานได้ เพราะมีการวางแผนเป็นกระบวนการ แบ่งหน้าที่กันทำ มีการปกปิดอำพรางตัว และใช้ยานพาหนะในการหลบหนี ยังไม่นับรวมถึงผู้ลี้ภัยทางการเมือง 8 คน ที่สูญหาย และถูกฆาตกรรมอย่างปริศนา โดยไม่สามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้
ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงความล้มเหลวของคสช.ที่ปล่อยปละละเลยให้มีการทำร้ายประชาชน ที่อยู่ขั้วการเมืองตรงข้ามตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า และสะท้อนถึงความล้มเหลวของ ตำรวจ และกระบวนการยุติธรรมไทย ที่ไร้ประสิทธิภาพในการคุ้มครองชีวิตประชาชน และทำให้ผู้ก่อเหตุไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย จึงขอเรียกร้องให้ ผบ.ตร. สั่งการให้เร่งรัดจับกุมตัวคนร้ายที่ทำร้ายนักเคลื่อนไหวทางการเมืองมาดำเนินคดีให้ได้ใน 7 วัน โดยเฉพาะคดีจ่านิว ที่ถูกทำร้ายถึง 2 ครั้ง ในเดือนเดียวกัน
ขณะเดียวกัน นายวรัญชัย โชคชนะ ประธานกลุ่มพลังประชาธิปไตยก็ได้มายื่นหนังสือถึงผบ.ตร. ว่าให้เร่งรัดติดตามคดีนี้เช่นเดียวกัน เบื้องต้นพ.ต.อ.อัศวยุทธ นุชพุ่ม รอง ผบก.น.6 เป็นตัวแทนรับหนังสือร้องเรียนพร้อมบอกว่าจะนำหนังสือร้องเรียนทั้งหมด เสนอผู้บังคับบัญชาให้พิจารณาต่อไป
//////ทีมข่าว นิวส์ทั่วไทย ภาพข่าว//////
ผบ.ทบ.แถลงทั้งน้ำตา เหตุกราดยิงโคราช ตอบดราม่าใส่เครื่องแบบเต็มยศลงพื้นที่ ลั่นไม่ลาออก!
พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก แถลงขอโทษสังคมทั้งน้ำตา ต่อเหตุกราดยิงโคราช โดยคนร้ายเป็นกำลังพลของกองทัพบก จนทำให้เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ ส่วนตัวรู้สึกเสียใจ กับทุกครอบครัว ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งทันที่ที่ผู้ก่อเหตุลั่นไกปืนสังหารประชาชนนั้น เขาคืออาชญากร ไม่ใช่ทหารอีกต่อไปแล้ว แต่ถือเป็นอาชญากรทันที
ส่วนที่มีการตั้งคำถามจะให้ ตนแสดงสปิริตลาออกนั้น ขอถามกลับว่าสมควรหรือไม่ที่จะถามตนแบบนี้ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนตัวไม่ได้ทำผิดในราชการทหาร จึงขอให้ทุกคนดูที่ข้อเท็จจริง และอย่าด่ากล่าวโทษทหารทั้งกองทัพ เพราะทหารมีหลายหน่วยที่ยังทำหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนในยามทุกข์ยาก หากจะด่าขอให้ด่าตนคนเดียวในฐานะผู้บัญชาการทหารบก
พลเอกอภิรัชต์ ยังลำดับเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น พบว่าผู้ก่อเหตุตั้งใจนำอาวุธปืนส่วนตัว มาก่อเหตุตั้งแต่แรก จำนวน 5 กระบอก ก่อนจะมาก่อเหตุยิงผู้บังคับบัญชาและผู้เกี่ยวข้อง โดยยอมรับว่า และไปก่อเหตุในค่ายสุรนารี หลายจุด กราดยิง ทหารยาม ปล้นปืน HK จากทหารยามและไปปล้นปืนในคลังอาวุธ ก่อนไปปล้นรถจี๊บ และไปปล้นกระสุน ที่คลังกระสุน ยืนยันว่าขณะเกิดเหตุในค่ายทหาร มีทหารเข้ามาระงับเหตุจนได้รับบาดเจ็บ และคนร้ายหนีออกไปจากค่ายทหารได้ และไปก่อเหตุตามรายทาง ยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดจากมาตรการในการดูแลค่ายทหารที่แตกต่างกัน บางค่ายมีความหละหลวม ซึ่งจะมีการพิจารณาลงโทษต่อไป
มูลเหตุการก่อเหตุของคนร้าย เกิดจากการไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชา และเครือญาติที่มีการผิดสัญญา ในการทำธุรกรรมซื้อที่ดินร่วมกัน ยืนยันว่าหลังจากนี้จะเดินหน้าปฏิรูปกองทัพต่อไป จะไม่ท้อถอย จะแก้ปัญหาการกดขี่ผู้ใต้บังคับบัญชา ที่จะเปิดช่องทางร้องเรียนโดยตรงมายังตนโดยไม่ผ่านทหารเพื่อให้เป็นความลับ จะได้รู้ว่าใครถูกเอาเปรียบอย่างไร และเอาผิดลงโทษ ผู้บังคับบัญชาที่เอาเปรียบอย่างถึงที่สุด
เมื่อถามว่าทางกองทัพจะรับผิดชอบอย่างไร ขอย้ำว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างผู้ก่อเหตุกับคู่กรณีเป็นเรื่องที่ไม่ใช่การปฎิบัติการทางทหารเป็นเรื่องบาดหมางจิตใจและเป็นการก่ออาชญากรรม หากจะให้รับผิดชอบต่อผู้เสียหายทางกองทัพก็จะรับผิดชอบตามมาตรฐาน โดยเฉพาะทหารที่เสียชีวิตขณะปฎิบัติหน้าที่แม้จะเป็นชั้นผู้น้อย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ทรงรับศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์และจะพระราชทานเพลิงศพให้ และกองทัพจะดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างดีที่สุดรวมทั้ง ครอบครัวผู้เสียชีวิตของประชาชน กองทัพพร้อมเปิดรับทายาทเข้ารับราชการทหารตามคุณวุฒิ ส่วนทายาทหากกำลังศึกษาศึกเล่าเรียนอยู่ก็จะส่งเสียค่าเล่าเรียนให้ตลอดจนถึงที่สุด
ส่วนประชาชนผู้ได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถประกอบอาชีพได้ หากมีความประสงค์ต้องการรับราชการทหารกองทัพบกก็พร้อมเปิดรับโดยไม่มีข้อแม้เช่นกัน
เมื่อถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะถือเป็นบทเรียนในการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาในอนาคตเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยหรือไม่นั้น พลเอกอภิรัชต์กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ว่าแม้ทุกคนจะเติบโตมาในพื้นฐานครอบครัวที่แตกต่างกัน แต่ก็เรียนในโรงเรียนทหารด้วยกันกินข้าวหม้อเดียวกัน การดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาก็ได้รับการปลูกฝังมาโดยตลอดว่า ทุกคนก็อยู่ใต้บังคับบัญชา ตนจะดูแลอย่างดี ซึ่งตนได้พูดอยู่เสมอ ว่าผู้บังคับบัญชาแต่ละระดับควรมีหน้าที่อย่างไร ผู้บังคับบัญชาไม่ใช่แต่จะไปบังคับบัญชาคนอื่นแต่จะต้องบังคับตนเองไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวผลประโยชน์ในค่ายทหาร
ดังนั้นตนพร้อมจะใช้อำนาจของผู้บัญชาการทหารบก จนวันสุดท้ายที่อยู่ในตำแหน่งเพื่อปราบขบวนการ หน่วยร่วมกับพ่อค้าเป็นนายหน้า อย่างปัญหาการซื้อขายบ้านสวัสดิการทหารที่เกิดขึ้น มีการวิ่งเต้นกัน ซึ่งไม่อยากจะสาธยายมากแต่มีข้อมูลไว้หมดแล้ว และภายในเดือนเมษายนนี้ตั้งแต่นายพล ยัน พันเอก หลายคนจะไม่มีงานทำอย่างแน่นอนเพราะตนเติบโตมากับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และหลายอย่างก็ได้รายงานต่อนายกรัฐมนตรีได้รับทราบแล้วว่าตนจำเป็นจะต้องจัดการ
เช่นการกำหนดมาตรการการจัดซื้ออาวุธของนายทหาร เนื่องจากเหตุการณ์ครั้งนี้ผู้ก่อเหตุใช้อาวุธส่วนตัวที่ครอบครองถึง 5 ชนิด และซื้อมาจากโครงการสวัสดิการในหน่วยงานอื่นทั้งที่ความเป็นจริงทหารไม่จำเป็นต้องซื้ออาวุธส่วนตัว เพราะมีอาวุธของหน่วยงานอยู่แล้ว
ส่วนปัญหาบ้านพัก กองทัพก็มีบ้านพักให้กำลังพลได้อยู่ฟรีไม่ต้องจ่ายค่าเช่า ดังนั้นภายในเดือนนี้จะขีดเส้นตายให้ทหารที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว แต่ยังอยู่บ้านพักฟรี ต้องย้ายออกเพื่อเปิดโอกาสให้นายทหารที่ไม่มีบ้านได้เข้ามาอยู่ต่อได้
นอกจากนี้ยังพบปัญหาทหารชั้นผู้น้อย ถูกหลอกจากผู้บังคับบัญชาและเครือญาติ รวมทั้งผู้ก่อเหตุยังมีเหตุจูงใจจากการใช้ชีวิตที่ไม่พอเพียง เช่นการเอาเงินไปซื้อปืนหลายกระบอกในราคาแพง จึงจำเป็นต้องปฏิรูปปรับเปลี่ยน เอาจริงเรื่องไหนไม่จำเป็นจะยกเลิก รวมทั้งจะเอาจริงกับคนที่เอาเปรียบหน่วยงานและเพื่อนร่วมงาน ยืนยันว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ได้เพิ่งเริ่มทำ ซึ่งภายในวงรอบการโยกย้ายรอบนี้ถ้ามันใจว่าจะได้เห็นดีกันแน่ ยืนยันไม่ได้วัวหายและรอบคอบ
รายละเอียดเพิ่มเติม https://news.bectero.com/news/171228
เรื่องเล่าเช้านี้ (Morning News)12 กุมภาพันธ์ 2563
ติดตามความเคลื่อนไหวข่าวสารได้ก่อนใครได้ที่นี่
เรื่องเล่าเช้านี้.com : https://morningnews.bectero.com
facebook : https://www.facebook.com/MorningNewsTV3
Twitter : https://twitter.com/MorningNewsTV3
Official LINE : @ruenglao
ผู้เสียหายคดีตำรวจยุให้ยิงกัน ร้องขอความเป็นธรรม
ผู้เสียหายคดีตำรวจยุให้ยิงกัน ยืนยันไม่มีการตัดต่อคลิป พร้อมร้องขอความเป็นธรรมให้ครอบครัว หลังคดีไม่คืบ
วันนี้(29ก.ย.57) จากกรณีมีผู้นำคลิปวีดีโอ ชื่อ “พูดแบบนี้ไม่รู้ว่ามาเคลียร์หรือมาขู่” มาโพสต์ผ่านเว็บไซต์ยูทูป เมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นภาพเหตุการณ์ที่ ด.ต.ฉัตรมงคล กันยา ผู้บังคับหมู่ สถานีตำรวจภูธรลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เดินทางไประงับเหตุเพื่อนบ้านทะเลาะกัน แต่กลับพูดจาไม่เหมาะสมจนคู่กรณีเกิดยิงกันจนเสียชีวิต ซึ่งต่อมา ด.ต.ฉัตรมงคล ได้ชี้แจงว่า คลิปดังกล่าวถูกตัดต่อ
ล่าสุดนางสาวกันตา คงประพันธ์ อายุ 25 ปี น้องสาวผู้เสียชีวิต ได้ออกมาปฏิเสธว่า ไม่เคยตัดต่อคลิปดังกล่าว เพียงแต่ไม่ได้บันทึกภาพไว้ตั้งแต่ตอนที่ด.ต.ฉัตรมงคลเข้ามา นอกจากนี้คนที่ถ่ายคลิปก็เป็นเยาวชน และตัดต่อคลิปไม่เป็น แต่ต้องการบันทึกคลิปไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งหลังจากที่พี่ชายถูกยิงตายก็ได้โพสต์คลิปไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็ต้องลบออกไปเนื่องจากกลัวถูกคุกคาม
ด้านนางสาวิตรี พุทธบาท อายุ 24 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต บอกว่า เคยสอบถามไปยังตำรวจที่ดูแลคดีนี้โดยตรง บอกว่า คดียังไม่ได้ส่งฟ้อง แต่ได้ส่งสำนวนคดีไปที่ศาลทหารแล้ว เนื่องจากผู้กระทำผิดเป็นทหารอากาศ เมื่อเขียนจดหมายไปร้องเรียนกับตำรวจภูธรภาค 1 ก็ได้รับจดหมายกลับมาให้ชี้แจงว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องอะไร จากนั้นก็ไม่เคยได้รับรู้ความคืบหน้าของคดีอีกเลย
ขณะที่พ.ต.อ.โกศล วีรวิศาล ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรลาดหลุมแก้ว (ผกก.สภ.ลาดหลุมแก้ว) กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุ ด.ต.ฉัตรมงคล เข้าไประงับเหตุคนทะเลาะกัน ซึ่งรู้จักทั้ง 2 ฝ่ายเป็นอย่างดี จึงพูดจายั่วยุออกไปโดยไม่ได้คิด ซึ่งได้ทำการลงโทษทางวินัยแล้ว พร้อมรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
ติดตามข่าวสารอื่น ๆ ได้ที่
http://www.tnnthailand.com/home.php
https://www.facebook.com/TNN24
https://twitter.com/tnnthailand
สถานีข่าวโทรทัศน์ TNN24 เป็นสถานีข่าวที่ถือหลักการของการนำเสนอข่าวตรงประเด็น ทันทุกความจริง รวดเร็ว ถูกต้อง แม่นยำ และเป็นกลาง โดยทีมข่าวมืออาชีพ
ขอความเป็นธรรม
จากกรณี เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2562 เวลาประมาณ 19.000 น. นายเมธารัฐ จันทร์สว่าง อายุ 35 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองเลย ใช้อาวุธปืนยิงเสียชีวิตภายในซอยใกล้บ้านพักเลขที่ 119/2 บ้านหนองผักก้าม ต.กุดป่อง อ.เมือง จ.เลย ของนางหนูนี ชุมแวงวาปี อายุ 62 ปี หลังสืบทราบว่านายเมธารัฐเป็นอดีตผู้ต้องขังออกมาจากเรือนจำและอาจจะพัวพันกับยาเสพติด ซึ่งผู้เห็นเหตุการณ์บอกว่า นายเมธารัฐถูกเจ้าหน้าที่ยิง 45 นัด ขณะกำลังวิ่งหนีการจับกุม และใช้เท้ากระทืบซ้ำอย่างโหดร้าย ทั้งๆที่ถูกล็อกกุญแจมือแล้ว โดยภายหลังเกิดเหตุ 2 วัน มีชุดจับกุมฝ่ายปกครองอำเภอเมืองเลยเข้ามอบตัวสองคน ซึ่งมีตำแหน่งเป็นกำนันตำบลเมือง และผู้ใหญ่บ้าน
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (30 ต.ค. 2562) บุตรชายและญาติของนายเมธารัฐรวมกว่า 50 คน ได้แห่โลงศพมาประท้วงเรียกร้องขอความเป็นธรรม โดยเขียนข้อความโจมตีการทำงานของฝ่ายปกครองอำเภอเมืองเลย ว่ามีการแทรกแซงกระบวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิบูลย์ วงศ์ก้อม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย และนายกิตติคุณ บุตรคุณ นายอำเภอเมืองเลย ลงมาพบกับญาติของผู้ตาย
ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างตึงเครียด ญาติของผู้ตายได้ซักถามผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอเมืองเลย เพราะไม่พอใจที่มีข้าราชการระดับผู้บังคับบัญชาในอำเภอเมืองเลย และเจ้าหน้าที่หน้าห้องผู้ว่าราชการจังหวัดเข้าไปพูดคุยกับพยาน นายอำเภอเมืองเลยมีพฤติกรรมที่เอนเอียง ช่วยเหลือกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งได้รับการประกันตัวออกมาแล้ว อีกทั้งไม่พอใจที่ไม่มีการดูแล เยียวยาครอบครัวนายเมธารัฐเท่าที่ควร นอกจากนี้ ยังมีความหวาดผวา กลัวได้รับอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน จากการที่ผู้ต้องหาที่ได้รับการประกันตัวออกมา
ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดเลย กล่าวว่า จะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย จะดูแลครอบครัวอย่างเต็มที่ มีปัญหาอะไรขอให้บอกมา ส่วนกรณีที่มีเจ้าหน้าที่หน้าห้องโทรไปกดดันญาติพี่น้องและพยานนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ไม่มีการช่วยเหลือใครทั้งสิ้น ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเต็มที่
นายกิตติคุณ บุตรคุณ นายอำเภอเมืองเลยกล่าวว่า การดูแลช่วยเหลือผู้ใต้บังคับบัญชาที่ปฏิบัติหน้าที่ราชการตามที่ได้รับมอบหมาย เป็นเรื่องปกติ ตามระเบียบการปกครองอยู่แล้ว แต่ที่กล่าวหาว่าตนเข้าไปแทรกแซงพยานนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ส่วนเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ได้สั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่แล้ว ด้านการดูแลครอบครัวผู้ตายนั้นจะดำเนินการตามระเบียบทางการราชการ
พล.ต.ต.วิบูลย์ วงศ์ก้อม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย กล่าวว่า จะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ในการสอบสวน ตนได้ให้พนักงานสอบสวนนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ตั้งเป็นคณะทำงาน เพื่อให้การสอบสวนเป็นไปด้วยความรอบคอบมากที่สุด ซึ่งได้รายงานความคืบหน้าให้ญาติของผู้ตายรับทราบมาโดยตลอด โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างรอผลการตรวจพิสูจน์ตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ รวมทั้งผลการตรวจสอบพิสูจน์หลักฐานเกี่ยวกับอาวุธปืน เขม่าดินปืนที่เก็บได้จากชุดปฏิบัติการ พยานหลักฐานที่ทางตำรวจอยู่ในมือขณะนี้ ถือว่ามั่นใจพอสมควร แต่ไม่สามารถจะชี้ได้ว่า ผลจะออกไปแนวทางไหน ส่วนกรณีที่มีการประกันตัวผู้ต้องหาออกมาก่อนหน้านี้ ขณะนี้ยังไม่พบว่าเข้าไปยุ่งหยิงกับพยานหลักฐาน หรือข่มขู่คุกคามญาติของผู้ตาย หากพบว่าผู้ต้องหากระทำเช่นนั้น ก็ต้องถอนประกันตัวทันที
ทั้งนี้ หลังจากการชุมนุมประท้วงที่หน้าศาลากลางแล้ว กลุ่มญาติของนายเมธารัฐ ได้เดินแห่โลงศพไปตั้งไว้ที่หน้าที่ว่าการอำเภอเมืองเลย เพื่อกระตุ้นเตือนการทำงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง โดยจะไม่นำกลับไป จนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม ก่อนแยกย้ายกลับบ้าน.
ทหารอากาศชน 2 นศ.ดับ โดนแจ้ง 2 ข้อหา ญาติพอใจต้นสังกัดร่วมเจรจา
สกลนครจากกรณีอุบัติเหตุรถยนต์เฉี่ยวชนกันกับรถจักรยานยนต์ที่แยกบ้านธาตุ ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุเป็นนักศึกษาหญิง มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร 2 ราย ทราบชื่อ น.ส.ณัฐพร และ น.ส.กันยารัตน์ อายุ 21 ปี มีผู้บาดเจ็บ 1 รายคือ น.ส.จันจิรา อายุ 21 ปี
ต่อมาได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในหลายประเด็น เนื่องจากผู้ขับขี่รถยนต์คันเกิดเหตุเป็นคนมีสี ครอบครัวผู้เสียหายเกรงว่าะไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยครอบครัวของหนึ่งในผู้เสียชีวิต เผยว่าจะยังไม่ทำพิธีใดๆ จนกว่าจะได้รับความเป็นธรรมและความรับผิดชอบจากคนขับรถยนต์คู่กรณี
ความคืบหน้าทางคดี เมื่อวานนี้ (5 เม.ย.) ที่ สภ.เมืองสกลนคร พ.อ.อ.ธีรศักดิ์ ศรีทอง พร้อมด้วยนายทหารพระธรรมนูญ สังกัดกองบิน 23 อุดรธานี อีก 2 นาย เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา
นาวาอากาศโทจีระพงษ์ ทองโคตร หัวหน้าแผนกกิจการพลเรือน กองบิน 23 อุดรธานี กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา ให้นำตัว พ.อ.อ.ธีรศักดิ์ ศรีทอง เข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้น ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทางผู้บังคับบัญชาทราบเรื่องแล้ว และกำชับให้ดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนของกฎหมาย
ซึ่งแม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ในฐานะหน่วยงานที่เป็นต้นสังกัดก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และรู้สึกเสียใจกับต่อครอบครัวผู้สูญเสีย ในส่วนของเจ้าตัวก็สำนึกในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ซึ่งในขั้นตอนต่อไปในขั้นตอนกฎหมาย ยืนยันว่าจะต้องดำเนินการทุกอย่างโดยถูกต้องและเป็นธรรม รวมทั้งการเยียวยาครอบครัวผู้สูญเสียและได้รับบาดเจ็บอย่างเต็มที่
ด้านญาติของหนึ่งในนักศึกษาที่เสียชีวิต เปิดเผยว่า หลังจากได้รับฟังผู้บังคับบัญชาของผู้ก่อเหตุชี้แจงแล้วก็รู้สึกพอใจ รวมทั้งที่ตำรวจได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา จากนี้คงจะให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาแก่ พ.อ.อ.ธีรศักดิ์ 2 ข้อหา คือ 1. ข้อหาขับขี่รถในขณะมึนเมาสุรา 2.ขับขี่รถโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต บาดเจ็บสาหัส และทำให้เสียทรัพย์ และให้ผู้ต้องหาประกันตัวออกไป
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ : https://ch3plus.com/news/program/236094
เรื่องเล่าเช้านี้ (Morning News)
วันที่ 6 เมษายน 2564
ติดตามความเคลื่อนไหวข่าวสารก่อนใครได้ที่นี่
ch3plus : https://ch3plus.com/news/programs/mor…
facebook : https://www.facebook.com/MorningNewsTV3
Twitter : https://twitter.com/MorningNewsTV3
YouTube : https://cutt.ly/MorningnewsTV3
นอกจากการดูหัวข้อนี้แล้ว คุณยังสามารถเข้าถึงบทวิจารณ์ดีๆ อื่นๆ อีกมากมายได้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆGENERAL NEWS
Articles compiled by CASTU. See more articles in category: GENERAL NEWS
